ค้นพบภูมิคุ้มกันชนิดใหม่สาเหตุของโรคเส้นประสาทตาอักเสบ

ค้นพบภูมิคุ้มกันชนิดใหม่สาเหตุของโรคเส้นประสาทตาอักเสบ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิงปนิษฐา จินดาหรา อาจารย์แพทย์ประจำหน่วยประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และทีมวิจัยซึ่งเป็นความร่วมมือภายในคณะฯ ระหว่างหน่วยประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ และภาควิชาจักษุวิทยา ในฐานะ “ปัญญาของแผ่นดิน” ได้ค้นพบภูมิคุ้มกันชนิดใหม่ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคเส้นประสาทตาอักเสบ และได้รับการตีพิมพ์ผลการค้นพบดังกล่าวแล้วในวารสารวิชาการระดับโลก “Dove Press Journal” ซึ่งจัดอยู่ใน Top 1% ของโลก

โดยได้ทำการศึกษาในผู้ป่วยเส้นประสาทตาอักเสบของโรงพยาบาลรามาธิบดี ที่มีอายุเฉลี่ย 45 ปี จำนวน 171 ราย มาเป็นเวลานานนับ 10 ปี ซึ่งพบว่าสาเหตุของการอักเสบมีหลายชนิด และในแต่ละชนิดก็ให้การรักษาแตกต่างกันไป โดยภูมิคุ้มกันชนิดใหม่ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคเส้นประสาทตาอักเสบ ที่ทีมวิจัยค้นพบครั้งแรกของโลกนี้มีชื่อว่า “แอนตี้โจวัน” (Anti-Jo1 Associated-optic Neuritis) ซึ่งจะมีลักษณะการอักเสบมากขึ้นเรื่อย ๆ จากตาข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่ง ในบางรายอาจใช้เวลานานหลายเดือน การรักษาสามารถทำได้โดยการใช้สเตียรอยด์ และยากดภูมิเป็นเวลานาน

อย่างไรก็ดี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิงปนิษฐา ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า โรคเส้นประสาทตาอักเสบ เป็นโรคที่เกิดขึ้นบริเวณเส้นประสาทที่เชื่อมต่อดวงตาและสมอง โดยมีอาการสายตาพร่ามัวในระยะแรกเริ่ม และแม้ว่าอุบัติการณ์ของโรคเส้นประสาทตาอักเสบนี้ จะพบไม่ถึง 2 รายต่อประชากร 1 แสนราย แต่ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ เนื่องจากอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการสูญเสียการมองเห็นในระยะรุนแรงได้

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิงปนิษฐา จินดาหรา

และนอกจากนี้ทางทีมวิจัยได้ทำการศึกษาในผู้ป่วย HIV ทำให้โลกแห่งวงการแพทย์ได้ประจักษ์ถึง “ปฏิกิริยาสะท้อนกลับ” ของการมีภูมิคุ้มกันสูงขึ้น แต่อาจให้ผลที่ตรงกันข้าม เพื่อเพิ่มความเฝ้าระวังในผู้ป่วยโรคดังกล่าว

โดยทั่วไปผู้ป่วย HIV จะต้องดูแลตัวเองด้วยการตรวจสารภูมิคุ้มกันในร่างกาย หรือ “CD4” (Cluster of Differentiation 4) ให้มีค่าคงที่ระหว่าง 500-600 เซลล์ต่อ 1 ลูกบาศก์มิลลิลิตร จากการได้รับยาต้านไวรัส HIV อย่างสม่ำเสมอ

ในขณะที่จากการศึกษาในผู้ป่วย HIV โดยทีมวิจัยกลับพบว่า สาเหตุของการเกิดอาการแทรกซ้อนด้วยโรคเส้นประสาทตาอักเสบ ในผู้ป่วย HIV นอกจากจะเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อเนื่องด้วยภูมิคุ้มกันที่ต่ำลงแล้ว แต่อาจเป็นได้จากกรณีที่ผู้ป่วย HIV มีภูมิคุ้มกันสูงขึ้นกว่าเดิมจนกลายเป็น “ปฏิกิริยาสะท้อนกลับ” (Immune reconstitution inflammatory syndrome) ซึ่งสามารถรักษาตามอาการด้วยสเตียรอยด์ซึ่งพิจารณาใช้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีพยากรณ์โรคที่ดี

พร้อมกันนี้ ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงปนิษฐา ได้แนะนำเพิ่มเติมว่า ให้หมั่นสังเกตอาการด้วยตนเองโดยใช้มือปิดดวงตาแต่ละข้าง แล้วทดลองอ่านหนังสือและมองสีต่าง ๆ เพื่อสังเกตศักยภาพในการมองเห็นว่าลดลงหรือไม่ พร้อมเปรียบเทียบดูความแตกต่างในการมองเห็นของดวงตาแต่ละข้างด้วย จะทำให้ทุกคนสามารถห่างไกลความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นประสาทตาอักเสบในระยะรุนแรงได้

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ xxlyachts.com

แทงบอล

Releated